สนใจบริการจัดหาคู่ ติดต่อสอบถามได้ที่ ไลน์บริษัทจัดหาคู่ MeetNLunch Line id: @meetnlunch (ใส่ @ ข้างหน้าด้วยนะคะ)
สัญญาณที่ดี สำหรับชีวิตคู่ในอนาคต – บริษัทจัดหาคู่
การออกเดท อย่างที่คนทุกคนรู้กันว่าเริ่มต้นอาจจะเกิดจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เมื่อได้รับการพัฒนาเป็นรักของคู่รักแล้วก็มีหลายๆสิ่งหลายๆอย่างเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อให้ความรักของคุณราบรื่น แล้วเรื่องใดบ้างที่เป็น ‘สัญญาณที่ดี’ ที่จะบ่งบอกได้ว่า คู่เดทหรือคนที่คุณกำลังคบหาดูใจนั้น จะเป็นสามีหรือภรรยาที่ดีได้ในอนาคต อย่าหลงคิดว่าเพียงแค่ความราบรื่นในการออกเดทวันนี้ จะการันตีความสุขหลังแต่งงานนะครับ
เดทไปเดทมา สนิทกับครอบครัวคุณมากกว่าอีกแน่ะ
หลังจากช่วงเริ่มต้นของการเดทผ่านไปแล้ว เรามักจะพาคู่เดทของเราไปหาสมาชิกในครอบครัวเสมอ (หากใครยังไม่ได้ทำดังว่า ก็หาโอกาสทำซะตั้งแตอนนี้เลยครับ จะได้วัดใจกันไปเลย) ซึ่งหากในครั้งแรกๆ เขาหรือเธอดูเคอะๆเขินๆ หรือมีอาการเข้ากันไม่ได้กับคนในครอบครัวคุณ ก็ไม่ต้องแปลกใจหรือตกใจไป เพราะเป็นเรื่องปกติสำหรับคนแปลกหน้ากันอยู่แล้ว หากแต่ถ้าครั้งต่อๆไป เขาหรือเธอ กับคนในครอบครัวคุณ ยังคงมีรังสีอำมหิต ดูตะขิดตะขวงใจหรือรู้สึกอึดอัดๆกันอยู่ ก็ขอให้รู้ว่าในอนาคตต้องแย่แน่ๆ……ในทางตรงข้าม ถ้าเขาหรือเธอ สามารถสนิทกับคนในครอบครัวคุณอย่างได้ออกหน้าออกตา นั่นหมายความว่าชีวิตแต่งงานในอนาคตของคุณทั้งคู่ จะมีความสุขไปกว่าครึ่งแล้วล่ะครับ
จาก ‘เธอ’ หรือ ‘เขา’ กลายเป็นคำว่า ‘เรา’ เสมอ
แรกเริ่มเดิมที เจอะหน้ากับคู่เดทครั้งแรก สรรพนามแสดงความแปลกแยกก็มักจะโผล่มาให้ได้ยินกันตลอด เช่น คุณ, ดิฉัน, นาย, เธอ, แล้วแต่จะเรียกกัน แต่เมื่อเดทกันไปสักพัก หากยังคงเรียกกันแบบเดิมๆที่กล่าวมา ก็แสดงว่ามีบางอย่างยังไม่คลิ๊กลงตัวกันเท่าไร เพราะตามหลักจิตวิทยา หากคนเราเริ่มที่จะวางใจใครแล้ว ก็มักจะเผลอพูดจาด้วยภาษา ‘เรา’ โดยจิตใต้สำนึกจะเหมาเอาเองว่าคนๆนั้นเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตแล้ว เมื่อพูดคุยกัน จึงใช้คำว่า ‘เรา’ เสมอ เราอย่างนั้น เราอย่างนี้ โดยเฉพาะที่สำคัญที่สุด กลุ่มเพื่อนของฝ่ายหนึ่ง ก็มักจะกลายเป็นเพื่อนสนิทของอีกฝ่ายปโดยปริยาย
ประโยคบอกเล่า กลายเป็นประโยคฟิวเจอร์
ปกติแล้วคู่เดททั่วๆไป มักจะคุยกันด้วยประโยคบอกเล่าในช่วงแรกๆอยู่แล้ว เช่น “ผมทำงานสายนี้” หรือ “บ้านของดิฉันอยู่แถวนั้น” เรียกว่าสัพเพเหระเรื่อยไป แต่การจะวัดว่าอนาคตร่วมกันในฐานะคู่แต่งงานจะราบรื่นหรือไม่นั้น ก็ต้องสังเกตกันเมื่อเดทไปได้สักระยะ หากฝ่ายหนึ่งเริ่มพูดคุยเรื่องแผนการในอนาคต แล้วอีกฝ่ายรู้สึกเกร็งๆ หรือทำหน้านิ่วคิ้วขมวด รวมถึงอาจรีบเบี่ยงประเด็นกลับไปคุยเรื่องของตนเองเหมือนเดิม เป็นต้น ก็ให้รู้ได้เลยว่าเป็นสัญญาณในเชิงลบ สำหรับชีวิตคู่ในอนาคตแล้ว เพราะสัญญาณที่ดีนั้น ต้องมาในทำนองที่ว่าพูดคุยกันเรื่องอนาคตได้อย่างเพลิดเพลิน เหมือนอย่างที่คุณไพลินกับคุณเติมศักดิ์ คู่แต่งงานคู่หนึ่งซึ่งเกิดจากการแนะนำให้รู้จักกันผ่านทาง Meetnlunch ที่กลับมาเล่าย้อนหลังให้เราฟังอย่างสนุกสนานว่า ความหวังที่จะมีชีวิตคู่ร่วมกันนั้น เริ่มจากประโยคฟิวเจอร์ในลักษณะนี้เอง “ตอนที่เดทกันไปได้แค่เดือนเดียว เราก็เริ่มเล่าให้เขาฟังว่าเราชอบท่องเที่ยวมากแค่ไหน” คุณไพลินกล่าว “แต่จู่ๆเขาก็บอกว่า อีกหน่อยอาจได้ร่วมงานกันนะ” “คือตอนนั้น มีญาติผมคนนึง เขากำลังจะเปิดบริษัททัวร์ แล้วเขาก็กำลังรวบรวมทีมงานอยู่ ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น” คุณเติมศักดิ์เล่าต่อ “พอดีคุณไพลินก็เอ่ยเรื่องชอบท่องเที่ยวขึ้น ผมเลยคิดว่าน่าจะชวนเธอมาร่วมงานกันได้ ผ่านมาอีกสองเดือน เราก็กลายมาเป็นหุ้นส่วนกันจริงๆ เป็นทั้งชีวิตคู่และเพื่อนร่วมงาน” ที่จริงแล้ว นอกเหนือจากประเด็นหลักๆที่กล่าวมาทั้ง 3 ข้อนี้ ยังมีจุดสังเกตเล็กๆน้อยๆอีกมาก ที่คุณสามารถใช้บ่งบอกได้ว่า คู่เดทของคุณจะต่อยอดกลายเป็นสามี/ภรรยาที่น่ากอดในอนาคตได้เหมือนเดิมหรือเปล่า เอาเป็นว่าให้หัวใจของคุณนำทางควบคู่ไปด้วยก็แล้วกันครับ